ปัจจุบัน ผู้คนสังเกตตัวเองกันมากขึ้นจากข้อมูลในสื่อต่างๆ โดยเฉพาะ “โรคซึมเศร้า”
หลายคนทำแบบคัดกรองแล้วก็มาปรึกษาหมอเนื่องจากคิดว่าตัวเองอาจจะเข้าข่าย
สำหรับผู้ที่หมอวินิจฉัยว่า กำลังเผชิญโรคซึมเศร้าอยู่จริงๆ ควรที่จะทำความรู้จัก “สิ่งใหม่” ที่เกิดขึ้นนี้
และคนใกล้ชิดเอง ก็ควรที่จะเข้าใจว่าผู้ป่วยกำลังเจออะไรอยู่บ้าง ด้วยการรับข้อมูลจากแหล่งที่เชื่อถือได้
เพราะตัวโรคไม่ได้มีผลแค่กับตัวผู้ป่วยอย่างเดียว แต่ยังส่งผลกระทบกับคนรอบข้าง ไม่ต่างกับโรคอื่นๆ
ดังนั้น หมอจึงมักแนะนำให้ผู้ป่วยและญาติ ได้ดูคลิปขององค์การอนามัยโลก (WHO) ที่ออกเผยแพร่ตั้งแต่ปี 2012 ชื่อ “I Had a Black Dog : His Name was Depression”
(https://www.youtube.com/watch?v=XiCrniLQGYc)
ตัวเอกของเรื่อง คือ เจ้าหมาดำ หรือ ‘black dog’
ซึ่ง Sir Winston Churchill นายกรัฐมนตรีของประเทศอังกฤษในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 เคยใช้เป็นสัญลักษณ์เปรียบอาการซึมเศร้าของเขา
คุณ Matthew Johnstone ซึ่งเป็นผู้ผลิตสื่อนี้ ถ่ายทอดการเปลี่ยนแปลงทางความคิด ความรู้สึก และ อาการทางร่างกาย ของผู้ที่กำลังมีโรคซึมเศร้าได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเคยประสบกับโรคซึมเศร้ามานานกว่า10ปี กว่าจะทราบว่าเป็นโรคที่รักษาได้
คลิปของ WHO นี้เป็น animation การ์ตูนประกอบคำบรรยาย ยาวเพียงประมาณ 4-5 นาที แต่ทำให้เห็นภาพอย่างชัดเจน เข้าใจง่าย หมอเห็นว่าเป็นประโยชน์มาก จึงแปลเป็นภาษาไทยไว้ ณ ทีนี้
เรามาทำความรู้จัก โรคซึมเศร้า ผ่านสายตาของผู้ที่กำลังเผชิญโรคนี้กันค่ะ
ที่มาภาพ:
http://www.slideshare.net/TCVScotland/redhall-i-had-a-black-dog
http://glasgowspcmh.org.uk/information/depression/blackdog
บทความโดย พญ. พาพร เลาหวิรภาพ
——————————————–
ผมมีหมาสีดำตัวหนึ่ง มันชื่อเจ้า ‘ซึมเศร้า’
เมื่อไหร่ก็ตามที่เจ้าหมาดำปรากฏตัว ผมรู้สึกว่างเปล่า ชีวิตดำเนินไปอย่างเชื่องช้า
เขาจะโผล่มาเยี่ยมเยียนอย่างไม่มีเหตุผล
เจ้าหมาดำทำให้ผมดูแก่กว่าอายุจริงไปหลายปี
ในขณะคนอื่นดูมีความสุขกับชีวิต ผมกลับเห็นแต่ความหมองหม่น
กิจกรรมที่ผมเคยเพลิดเพลิน ก็ไม่น่าสนุกอีกต่อไป
มันทำให้ผมเบื่ออาหาร ความจำไม่ดี และไม่มีสมาธิ
การจะทำอะไรสักอย่างหรือจะไปไหนสักแห่งกลายเป็นเรื่องที่ต้องใช้เรี่ยวแรงมหาศาล
เวลาเข้าสังคม มันก็ทำให้ผมสูญเสียความมั่นใจที่เคยมีไปหมด
สิ่งที่ผมกลัวมากที่สุดก็คือการมีใครรู้ว่าผมมีโรคซึมเศร้า
ผมกังวลว่าคนอื่นๆจะตัดสินผม
และเพราะความกังวลเกี่ยวกับความอับอายและตราบาปหากใครรู้เข้าว่าผมมีโรคซึมเศร้า
ทำให้ผมต้องทุ่มเทพลังงานอย่างมากมายเพื่อปกปิดมันไว้
การปั้นหน้า แสร้งทำเป็นว่าไม่เป็นอะไร…มันเหนื่อยล้าเหลือเกิน
เจ้าหมาดำทำให้ผมคิดและพูดอะไรแย่ๆ
ทำให้ผมขี้หงุดหงิด ใครๆเข้าหน้าไม่ติด
และความรักความสัมพันธ์ของผม ก็พังลงไปด้วย
สิ่งที่เจ้าหมาดำชอบยิ่งกว่าอะไรทั้งหมด ก็คือการปลุกผมให้ตื่นกลางดึกมาอยู่กับความคิดแง่ลบที่วนไปเวียนมาไม่จบ
มันยังชอบย้ำเตือนด้วยว่า พรุ่งนี้ผมจะต้องเหนื่อยล้าขนาดไหน
การมีเจ้าหมาดำในชีวิตคุณ มันไม่ใช่แค่การรู้สึกจิตตก แย่ หรือเศร้า … จุดที่แย่ที่สุดคือการไม่ยินดียินร้ายกับอะไรเลย
เมื่อผมอายุมากขึ้น เจ้าหมาดำก็โตขึ้นด้วยและตามติดผมตลอดเวลา
ผมพยายามทำทุกวิถีทางที่คิดว่าจะไล่มันไปได้ แต่มันก็กลับมาและเอาชนะได้บ่อยกว่า
ผมยอมแพ้ดีกว่า มันง่ายกว่าการพยายามลุกขึ้นอีกครั้งเยอะเลย
ผมก็เลยไปใช้วิธีอื่นๆในการเยียวยาตัวเอง … ซึ่งก็ไม่เคยช่วยได้จริงๆหรอก
ในท้ายที่สุด ผมก็รู้สึกโดดเดี่ยวจากทุกสิ่งทุกอย่างและทุกคน
เจ้าหมาดำเข้ายึดครองชีวิตของผมได้สำเร็จ
ซึ่งเมื่อคุณสูญเสียความรู้สึกดีๆในทุกด้านของชีวิต คุณก็จะเริ่มเกิดคำถามว่า จะอยู่ไปทำไม?
โชคดีเหลือเกินที่นี่เป็นจุดที่ผมเริ่มหาความช่วยเหลือทางการแพทย์
มันคือก้าวแรกสู่การฟื้นตัวและเป็นจุดเปลี่ยนทีสำคัญยิ่งของชีวิต
ผมได้เรียนรู้ว่า มันไม่สำคัญเลยว่าคุณจะเป็นใคร เจ้าหมาดำเกิดขึ้นและมีผลกระทบกับชีวิตคนเป็นล้านๆ
ทุกคนมีโอกาสพอๆกัน
ผมยังเรียนรู้อีกด้วยว่า ยาวิเศษที่่กินแล้วหายชะงัดทันที ไม่มีอยู่ในโลกนี้
ยาสามารถช่วยได้ระดับหนึ่ง ยังมีการดูแลรักษาอย่างอื่นด้วยซึ่งแต่ละคนอาจจะต้องการแตกต่างกันไป
การซื่อตรงต่อความรู้สึกของตัวเองและเป็นตัวของตัวเองอย่างแท้จริงกับคนใกล้ชิด
อาจเป็นจุดพลิกผันที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งเลย
ที่สำคัญที่สุด ผมเรียนรู้ที่จะไม่หวาดกลัวเจ้าหมาดำ และหัดฝึกมัน
ยิ่งคุณเหนื่อยและเครียดมากเท่าไหร่ มันก็จะเห่าดังเท่านั้น
ดังนั้นคุณจึงต้องรู้จักทำจิตใจของตัวเองให้สงบเป็น
มีผลการศึกษายืนยันชัดเจนว่า การออกกำลังกายสม่ำเสมอสามารถรักษาโรคซึมเศร้าระดับน้อยถึงปานกลางได้อย่างมีประสิทธิภาพพอๆกับยาต้านเศร้า
ดังนั้น ออกไปเดิน ไปวิ่ง ทิ้งเจ้าหมาดำไว้ข้างหลังซะ
จดบันทึกเรื่องอารมณ์ – การเขียนความคิดลงมาในกระดาษมักทำให้เราเกิดความเข้าใจตัวเองและสามารถทำให้เรารู้สึกมีพลังขึ้น
อย่าลืมที่จะมองเห็นและจดจำสิ่งดีๆในชีวิตด้วย
สิ่งสำคัญที่สุดที่ควรจำได้เสมอก็คือ ไม่ว่าอะไรๆจะเลวร้ายแค่ไหน
หากคุณทำในสิ่งที่ควรทำ คุยกับคนที่เข้าใจ
คุณก็จะสามารถผ่านวันเศร้าๆไปได้
ผมคงไม่บอกว่าผมรู้สึกซาบซึ้งต่อเจ้าหมาดำ แต่ก็ต้องยอมรับว่าเขาเป็นครูคนสำคัญ
เขาทำให้ผมต้องหันกลับมามองดูชีวิตตัวเองและทำอะไรๆให้เรียบง่าย
ผมเรียนรู้ว่า แทนที่จะวิ่งหนีปัญหา ลองยอมรับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตดีกว่า
เจ้าหมาดำอาจจะอยู่กับผมไปตลอดชีวิต แต่เขาจะไม่เป็นตัวร้ายอย่างที่เคย
เดี๋ยวนี้เรามีความเข้าใจเกี่ยวกับโรคซึมเศร้ามากขึ้นมาก
ผมได้เรียนรู้ว่า ความรู้ ความอดทน วินัย และอารมณ์ขัน สามารถรักษาหมาดำที่ดุร้ายให้หายได้
ถ้าหากคุณกำลังประสบปัญหา อย่ากลัวที่จะขอความช่วยเหลือ ไม่ใช่เรื่องน่าอับอายตรงไหนเลยที่จะทำแบบนั้น
เป็นเรื่องน่าเสียดายอย่างยิ่งมากกว่าถ้าหากเราเสียโอกาสที่จะมีชีวิตที่ดี
You must be logged in to post a comment.