เขารักเราหรือเปล่า?

เขารักเราหรือเปล่า? ตอน ภาษารัก (Five love languages)

ภาษารัก เป็นภาษาที่สำคัญมากในเรื่องความสัมพันธ์  ภาษารัก มีหลายแบบ แต่ละคนแสดงออกแตกต่างกัน

เราลองมาดูกันนะคะ ว่าภาษารักของเราเป็นแบบไหน และของคนที่เรารักเป็นแบบไหน เพื่อเพิ่มความเข้าใจในกันและกัน และลดความสงสัยว่าเขารักหรือเปล่า?  รวมถึงช่วยให้รู้ว่าภาษารักที่เราแสดงออกต่อเขาพอดีตรงใจเขาไหม? อ่ะนะคะ

ในทางจิตวิทยาโดย ดอกเตอร์ Gary Chapman นักจิตวิทยาด้านให้คำปรึกษาเรื่องความสัมพันธ์ ได้กล่าวถึง ภาษารัก ของมนุษย์โดยหลักๆ มี 5 แบบค่ะ

1. คำพูด (Word of affirmation, appreciation)

2. มีเวลาคุณภาพให้แก่กัน (Quality time)

3. ของขวัญ สิ่งของดีๆ (Gifts)

4. การดูแล (Acts of service )

5. การสัมผัส ทางกาย (Physical touch)

63978

การที่เขาแสดงความรักออกมาไม่เหมือนที่เราใฝ่ฝัน ไม่ได้แปลว่าเขาไม่รักเรานะคะ  และสิ่งทีเราแสดงออกต่อเขา (ด้วยใจที่เต็มเปี่ยมด้วยความรัก) ไม่ได้แปลว่าเขาจะรับรู้ได้ หรือ รู้สึกดีเสมอไปนะคะ

ดังรายละเอียดดังนี้ค่ะ

1. คำพูด (Word of affirmation, appreciation)

ภาษารักด้วยคำพูด เช่น คำบอก”รัก” การบอกความรู้สึกดีๆ เช่น เป็นห่วง คิดถึง หรือ การพูดให้กำลังใจ หรือ พูดชมเชยกัน ซึ่งคำพูดจะช่วยอีกฝ่ายรับรู้ความรู้สึกดีๆ ในแบบง่ายๆ ตรงไป ตรงมา

ไม่ต้องมาเล่นเกมเดาใจว่าอีกฝ่ายทำแบบนี้คิดอะไรอยู่นะ ซึ่งในชีวิตจริงไม่เหมือนละคร ที่อีกฝ่ายจะรับรู้ความรู้สึกได้แม้เราไม่พูดออกมา เป็นต้น

สิ่งที่ต้องระวัง : คำพูดที่หวาน แต่ไม่มีความจริง พูดเพื่อเอาใจ แต่ทำไม่ได้ หรือ หวานเวอร์ อาจทำให้อีกฝ่ายรู้สึกเลี่ยนๆ น่ารำคาญ หรือ รู้สึกว่า เป็นคำโกหกหลอกลวง

สิ่งที่ควรเป็นคือ

– คำพูดที่ออกมาจากใจจริงๆ

– บอกให้มากขึ้น สำหรับคนที่มองว่าคำพูดไม่สำคัญ เท่าการกระทำ

ซึ่งจริงๆอาจไม่จริงทั้งหมดค่ะ

การฝึกพูด ฝึกแสดงความรู้สึกผ่านคำพูดบ้างเป็นเรื่องที่ดี หลายครั้งทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นมาก คำพูดหนึ่งๆมีอิทธิพลมากค่ะคำพูดดีๆ จากคนที่เรารัก เหมือนเป็นน้ำทิพย์ชะโลมใจทีเดียว ทำให้ผู้ฟังเกิดกำลังใจขึ้นอย่างมหาศาลค่ะ

2. มีเวลาคุณภาพให้แก่กัน (Quality time)

เช่น มีเวลาที่จะอยู่ด้วยกันจริงๆที่จะรับรู้ความรู้สึกของอีกฝ่าย หรือ ทำกิจกรรมดีๆ ด้วยกัน เป็นต้น

สิ่งที่แสดงถึงว่ามีเวลาคุณภาพให้กันจริงๆ

– เลือกกิจกรรมดีๆ ที่สนใจร่วมกันจริงๆ ไม่ใช่ เลือกกิจกรรมที่ชอบอยู่ฝ่ายเดียว สนุกอยู่คนเดียว อีกฝ่ายก็ไม่ไหวค่ะ

– มีเวลาสงบๆ ง่ายๆอยู่กับคู่บ้าง ไม่ใช่ ทำตัวยุ่ง ทำนู่นทำนี่ตลอดเวลา เช่น นั่งเงียบๆสงบ สบาย ใกล้ๆกันก็ เป็นเวลาที่มีคุณภาพได้

– ไม่ควรทำสิ่งอื่นไปด้วยในเวลาเดียวกัน เช่น ก้มหน้าเล่นมือถือตลอด หรือ ดูทีวี หรือ เล่นคอมพิวเตอร์ไปด้วย

มีหลายครั้งพบว่า ในยุคไอทีรุ่งเรือง เวลาคุณภาพของการอยู่ด้วยกันจริงๆกับด้อยลง เช่น หลายครั้งเราจะพบว่า คู่ของเราเวลาอยู่กับเรา แต่ก้มหน้ามองแต่มือถือ หรือ ตามองแต่หน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดเวลา

ทำให้คนอยู่ด้วย ไม่ได้รู้สึกว่าอยู่ด้วยกันจริงๆ เพราะสิ่งที่เขาสนใจกลับเป็นมือถือ หรือ คอมพิวเตอร์ หรือ ทีวี มากกว่าตัวเราที่นั่งอยู่ตรงนี้ ทำให้เกิดความน้อยใจ และรู้สึกว่างเปล่าในความสัมพันธ์ขึ้นได้

– ในเรื่องการสนทนา

• ใส่ใจ รับฟังคู่คุณอย่างตั้งใจ ไม่พูดขัดคอ หรือ รีบตัดบท

• รับฟังอย่างเข้าใจ

• รับรู้ถึงความรู้สึกในสิ่งที่เขากำลังบอกออกมา

• ใส่ใจสังเกตภาษากายของอีกฝ่ายบ้าง แต่อย่ามากเกินไป เพราะอีกฝ่ายอาจรู้สึกอึดอัดหรือเหมือนถูกจับผิดได้

• เปิดใจ แบ่งปัน ความรู้สึก ของตนเอง หรือ เรื่องราวของตนเอง จะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงความสนิทใจ ที่มีต่อกัน แต่ไม่ใช่เล่าแต่เรื่องตนเองตลอดเวลา จนไม่ฟังเรื่องของอีกฝ่ายเลย

สิ่งที่ต้องระวัง: บางคนต้องการเวลาคุณภาพจากคนรักมาก จนอีกฝ่ายรู้สึกว่าขาดอิสระในชีวิต เช่น ต้องไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ต้องอยู่ด้วยกันตลอด การที่อีกฝ่ายต้องเวลาของตัวเองบ้าง ไม่ได้แปลว่าเขาไม่รักนะคะ  เพียงแต่แต่ละคนต้องการพื้นที่ชีวิตความเป็นส่วนตัวไม่เท่ากันค่ะ บางคนต้องการมาก บางคนต้องการน้อยหน่อยค่ะ

3. ของขวัญ สิ่งของดีๆ (Gifts)

เป็นภาษารักที่สำคัญมากอีกอันหนึ่ง เช่น ของขวัญในวันสำคัญ หรือ การไปไหน แล้วมีของฝาก หรือ ซื้อของโปรดของชอบให้ หลายครั้งความสำคัญไม่ใช่เรื่อง ราคาของ แต่สิ่งสำคัญคือ ความนึกถึงกัน ใส่ใจกัน

ของขวัญ หรือ สิ่งของดีๆที่มอบให้กัน จีงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของความรัก ความห่วงใยที่มีให้กัน สิ่งของชิ้นหนึ่ง อาจมีค่าไปตลอดชีวิตของคนๆหนึ่งเลยทีเดียวค่ะ

สิ่งที่ต้องระวัง: หลายครั้งบางคนให้ความรักเป็นสิ่งของเป็นวัตถุตลอดเวลา

เช่น มีพ่อบ้านมากมาย ที่ทำงานหนักมาก เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัว และ มองว่าต้องมีสิ่งของวัตถุดีๆเพื่อทำให้ชีวิตครอบครัวสมบูรณ์ มือถือออกรุ่นใหม่ ต้องซื้อให้ลูกทุกครั้ง เพราะ นั่นคือ ความรักที่แสดงว่าพ่อรักลูก

แต่จริงๆ บางทีลูกอาจต้องการแค่เวลาคุณภาพจากพ่อบ้าง ภรรยาแค่ต้องการความใส่ใจห่วงใยบ้าง แต่พ่อบ้านอาจไม่ได้ให้ เพราะมัวแต่ยุ่งมุ่งกับภาษารักที่เป็นวัตถุสิ่งของ จนลืมไปว่าความรักที่จะให้มีได้อีกหลายแบบค่ะ

4. การดูแล ( Acts of service )

เช่น การดูแลเรื่องต่างๆ การบริการ เช่น ขับรถไปรับไปส่ง การทำอาหารให้ทาน การพาไปหาหมอเวลาไม่สบาย เป็นต้น

สิ่งที่ต้องระวังคือ : การดูแลมากเกินไป อีกฝ่ายอาจรู้สึกอึดอัดได้ค่ะ

เช่น บางคนดูแลมากทุกเรืองในชีวิต แม้กระทั่งยาสีฟันยังบีบให้ ซึ่งถ้าคู่คุณชอบ ถือว่ากำลังดีสำหรับคู่คุณค่ะ แต่บางคนอาจไม่ได้ชอบการดูแลที่มากๆ อีกฝ่ายอาจอึดอัดได้เพราะรู้สึกว่าขาดความเป็นส่วนตัว ถูกก้าวก่ายในชีวิตเกินไปได้ค่ะ

สิ่งทีควรเป็น คือ

– ดูว่าคู่ของคุณต้องการการดูแลขนาดไหนค่ะ บางคนชอบให้ดูแลมากๆ บางคนอาจไม่ชอบที่มากเกินไปค่ะ จัดให้พอดีๆกับคู่ของคุณค่ะ

5. การสัมผัส ทางกาย (Physical touch)

เช่น การจับมือ การกอด การโอบ การตบไหล่ การหอม การจูบ แม้กระทั่งเรื่องเพศสัมพันธ์

ซึ่งการบอกรักด้วยภาษาร่างกาย การสัมผัสมีพลังมากนะคะ เช่น เวลาที่ต้องการกำลังใจ การตบไหล่ การลูบหลังเบาๆ ให้กำลังใจ บางทีมีพลังมากกว่าคำพูดอีกนะคะ

สิ่งที่ต้องระวัง คือ การสัมผัสทางกาย ไม่ใช่เรือง บนเตียง หรือ เพศสัมพันธ์อย่างเดียวค่ะ ในหลายคน พอบอกว่า ส่งภาษารักด้วยการสัมผัสทางกาย จะคิดถึงเรืองเพศสัมพันธุ์ทันที ซึ่งเพศสัมพันธ์เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

แต่การแสดงความรัก ความห่วงใยด้วยการสัมผัสมีอีกหลายอย่างมากค่ะ เช่น การแสดงความรู้สึกดีๆด้วยการจับมือ การตบไหล่ การกอด เหล่านี้

เป็นภาษารักที่ทำให้คนที่ได้รับรู้สึกอบอุ่น และ มีพลังมากค่ะ

สิ่งที่ควรเป็น

– จัดให้เหมาะสมพอดีกับคู่ของเราค่ะ บางคนไม่ได้ชอบให้สัมผัสร่างกายมากมาย อาจทำให้อีกฝ่ายรุ้สึกอึดอัดรำคาญได้ค่ะ เหมือนถูกนัวเนียตลอดเวลา  แต่ขณะที่บางคนชอบและรู้สึกดี ดังนั้นจัดให้พอดีกับคู่ของตัวเองนะคะ

เคล็ดไม่ลับความเข้าใจใน (ภาษา) รัก

– ในแต่ละคนจะมีภาษารักไม่เหมือนกัน และ ชอบภาษารักที่แตกต่างกัน

– คนส่วนใหญ่ล้วนอยากได้ภาษารักทั้ง 5 อย่างจากคนที่เรารัก แต่ระดับการอยากได้ในแต่ละแบบอาจไม่เท่ากัน

– ลองถามตัวเองนะคะ ว่าเราอยากได้ภาษารักแบบไหนมากที่สุด เชื่อว่าแต่ละคนจะมีอยู่ในใจหลักๆกันไปคนละแบบ 2 แบบ อ่ะนะคะ เพื่อให้เกิดความเข้าใจในความต้องการของตัวเองมากขึ้น

– ลองสังเกตดูว่า คนรักของเรา ชอบภาษารักแบบใด เพื่อช่วยให้เกิดความเข้าใจในกันและกัน และดูแลกันอย่างเหมาะสม

– จัดให้พอดี และ ถูกจังหวะ ที่เขาเรียกว่า “คิดถึงใจเขา-ใจเรา” ค่ะ

– ด้วยความที่แต่ละคนมีภาษารักไม่เหมือนกัน หลายคู่จึงเกิดปัญหาได้ค่ะ

ทั้งที่รักกัน แต่ด้วยภาษารักที่ไม่ตรงกัน ทำให้บางคู่กลายเป็นหมางใจกัน เพราะเข้าใจว่าอีกฝ่ายไม่เคยให้ภาษารักแบบนี้กับตนเองเลย แปลว่าไม่รักตน หรือรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจว่าอีกฝ่ายไม่รับรู้ความรักของตน ที่เพียรพยายามให้ตลอดมา เป็นต้น  เลยกลายเป็นว่าจากคนที่รักกันมากๆ กลายเป็นคนที่ไม่รักกันมากๆ ไปได้ ด้วยความไม่เข้าใจในภาษารักของอีกฝ่ายค่ะ

กรณีตัวอย่าง

ชายหนุ่ม กับหญิงสาว คู่หนึ่งนะคะ

หญิงสาว : ภาษารักของเธอคือ คำพูด (word of affirmation, appreciation)

ชายหนุ่ม : ภาษารักของเขาคือ การดูแล ( Acts of service )

หญิงสาว น้อยใจสามีมาโดยตลอด แต่งงานกันมา 2 ปี มองว่าสามีไม่เคยรักตน เพราะสามีไม่เคยพูดคำว่ารักเลย เวลาถามว่ารักเธอไหมสามีไม่ตอบ หรือ เฉยๆไป และ ไม่เคยพูดคำดีๆ หวานๆ ให้กัน   และไม่เคยชื่นชมอะไรในตัวเธอเลย

บางครั้งเวลาที่ทำผิดไปบ้างยังโดนสามีเอ็ดอยู่บ่อยๆ ทำให้เธอรู้สึกเสียใจ เจ็บช้ำน้ำใจกับคำพูดของสามี

ขณะที่ทางฝ่ายสามีนั้นจริงๆรักภรรยามากแต่เป็นคนไม่ชอบพูด บุคลิกแข็งๆ พูดชมใครไม่เป็น พูดจาหวานๆ อ่อนโยนไม่เป็น  และมองว่าเป็นสิ่งไร้สาระ คำพูดมันตื้นเขิน และจะโกหกอย่างไรก็ได้

ดังนั้นเขาแสดงความรักด้วยการดูแลภรรยาต่างๆ เช่นการไปรับไปส่ง เวลาภรรยาไปไหนจะขับรถให้เสมอ เวลาเห็นภรรยาไม่สบายจะดูแลเรื่องอาหารการกินและพาไปหาหมอ เป็นต้น

แต่ไม่เคยพูดจาให้กำลังใจเลย เพราะมองว่าไม่จำเป็น มองว่าการกระทำสำคัญกว่าคำพูด  และด้วยความห่วงใยภรรยาบางครั้งจึงเอ็ดภรรยาเวลาที่เธอทำผิด  ด้วยเจตนาที่ดีและห่วยใยว่าไม่อยากให้เธอทำผิดอีก

ณ จุดนี้ ทำให้ภรรยาน้อยใจอยู่เรื่อยๆ และเข้าใจว่าที่สามีทำดีด้วยการดูแลตนมาตลอดเพราะทำตามหน้าที่ของสามีที่ดีเท่านั้น ภรรยาจึงไม่สามารถสัมผัสความรักจากสามีได้เลย

ซึ่งคู่นี้เป็นหนึ่งในอีกๆหลายคู่ที่มีภาษารักไม่ตรงกันทำให้หมางใจกันในที่สุดค่ะ

ภาษารักส่งท้ายนะคะ

– ความเข้าใจในภาษารักว่ามีอย่างน้อย 5 แบบดังกล่าวข้างต้น ช่วยให้หลายคู่สัมผัสความรักของอีกฝ่ายได้มากขึ้น หายสงสัยว่าเขารักเราหรือเปล่า รวมถึงตัวเราเอง ที่จะส่งภาษารักให้พอดีกับคู่ของเรานะคะ ไม่มากไม่น้อยเกินไปค่ะ

– ภาษารักไม่ใช่เฉพาะกับความรักแบบคู่รักเท่านั้นนะคะ กับ ทุกความรักเช่น คุณพ่อ คุณแม่ ลูกๆ พี่ น้อง และเพื่อนๆ ก็่ใช้ภาษารักเช่นกันนะคะ

– การสื่อภาษารักที่เหมาะสมและเข้าใจภาษารักของอีกฝ่ายเป็นสิ่งที่สำคัญมากค่ะ ทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นได้อย่างมากค่ะ

– ภาษารัก 5 ข้อไม่ใช่สูตรสำเร็จ ว่าทำทั้ง 5 ข้อแล้วชีวิตรักของคุณจะดีขึ้น (ถ้าปราศจากใจ) ภาษารักจะทรงพลังและมีคุณค่าที่สุด เมื่อสิ่งเหล่านี้ ทำด้วยใจ ออกมาจากใจ ทำด้วยความรักและความปรารถนาดีต่อกันนะคะ

เข้าใจในภาษารัก ของเธอ ของฉัน ความสัมพันธ์(ของเรา)แน่นแฟ้นค่ะ

บทความโดย ผศ.พญ. ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล  ภาควิชาจิตเวชศาสตร์  รพ.รามาธิบดี